ทวาย, เมียนมาร์

ทวายวันนี้ เราวันนั้น

จุดเดิม เรื่องจึงอาจซ้ำเดิม บางท่อนเคยเล่าไปแล้ว บางส่วนยังไม่ถูกเล่า ไอ้ที่เล่าไปแล้วก็จะไม่เล่าซ้ำ ส่วนที่จะเล่าย้ำคือเรื่องที่ยังไม่ได้เล่า

กลางทุ่งนา ใกล้หมู่บ้าน ระหว่างทางจากบาวาร์ ไป Initial Phase ของนิคมอุตสหาหกรรมทวาย คอกควายมีรั้วไม้อย่างง่ายกั้นเอาไว้ ส่วนบนรั้วเหล่านั้นคือเด็กๆ ที่กรูกันเข้ามาหลังพวกเราหยุดรถและตั้งกล้องบันทึกภาพ

เด็กหลายคนน่าจะเกิดบนที่แห่งนั้น แต่เด็กบางคนคือสิ่งแปลกปลอมของทวาย แม้บางคราวคล้ายจะกลมกลืน แต่บางครั้งก็ดูแปลกแยก จะบอกให้ทราบว่าซ้ายสุดนั้นคือ Paritta Wangkiat ก็กลัวเจ้าตัวจะรู้ว่าถูกบันทึกภาพอยู่ในเฟรม ที่สุดจึงตัดสินใจไม่บอกดีกว่า

แต่ที่เกริ่นมาสิ้นเปลืองตัวอักษรก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องที่อยากจะเล่า ที่อยากจะบอกจริงๆ มีเพียงว่า ทวายทำให้นึกถึงวัยเยาว์ ทุ่งนากว้างสุดลูกหูลูกตา แล้งไร้น้ำกินน้ำใช้ ต้องหาบคอนข้ามทุ่งมาสำรองใส่ตุ่มไว้ ถนนหนทางเต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้งไปหมด ปากเสียงของผู้คนขึ้นต้นและลงท้ายด้วยคำว่า ‘ไม่รู้’ และ ‘ทำไงได้’

ทวาย, เมียนมาร์

นี่คือสภาพของบ้านที่ผมจากมาเมื่อครั้ง 30 ปีก่อน

การเดินทางไปทวาย จึงเหมือนได้เข้าไปสู่รูหนอนของหลุมดำย่ำย่างย้อนไปพบตัวเองเมื่อวันวาน

ถามว่าคุ้นชิ้นกับมันไหม ตอบได้ว่า ‘มาก’ แต่โยนคำถามคล้ายเดิมว่าอยู่เช่นนี้ได้ไหม ตอบว่า ‘ไม่’ เพราะเราเดินมาไกลเกินกว่าจะทำให้ตัวเองคุ้นชินกับความไม่สะดวกสบายเช่นนั้นแล้ว

มันจึงโรแมนติกบ้างหากพบพานเพียงครู่คราว แต่หากปักหลักหยั่งรากนานกว่านั้น เห็นทีจะบ่นกระปอดกระแปดด้วยรำคาญปนรันทดความทุรกันดารของผืนดิน

ที่อยากบอกก็เพียงเท่านี้ ท่านจึงได้อ่านและรับทราบเท่าที่เห็น

เป็นนักเขียนเพียงคนเดียวของเว็บไซต์นี้ (แหงละ) เป็นมนุษย์ที่ชอบบันทึกเรื่องราวเอาไว้ เนื่องจากไม่ถนัดในการจดใส่กระดาษ จึงมักเขียนไว้ในโลกออนไลน์ บางเรื่องผิด บางเรื่องถูก แต่บันทึกความทรงจำจะช่วยตักเตือนเรา