พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้พูดผิดเรื่องการมีวิทยุทรานซิสเตอร์ เป็นตัวสำรองยามเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติ วิทยุใช้ง่าย เป็นเครื่องรับสัญญาณที่เสถียร ใช้พลังงานน้อย อยู่ได้นาน และมีข้อจำกัดในการเปิดใช้งานน้อยมาก
แต่คนส่วนมากก็ไม่ผิดที่เบ้ปากด้วยความรำคาญ เพราะการเคยชินกับชีวิตที่มีสัญญาณมือถือเต็มหลอด มีไฟฟ้าตลอดเวลา การติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติผ่านมือถือย่อมสะดวกกว่าร้อยเท่าพันประการ อย่างไรก็ตาม ประเทศนี้ก็มีอีกหลายพื้นที่ที่เสี่ยงจะติดเกาะ เสี่ยงถูกลอยแพยามต้องอยู่ในเหตุการณ์ภัยพิบัติที่หนักหน่วงและยาวนาน การมีเครื่องมือสื่อสารเป็นวิทยุสักเครื่องติดบ้านไว้ย่อมดีกว่าไม่มีเลย
เราอาจไม่เคยชินกับภัยพิบัติที่ทำให้เกิดการล่มทั้งระบบ จึงดูเบาทรานซิสเตอร์อยู่บ้าง แต่ไม่มีอะไรรับประกันหรอกว่าจะไม่มีสึนามิ แผ่นดินไหว น้ำป่า ไฟป่า ในประเทศไทย การมีวิทยุติดบ้านไว้สักเครื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในชุมชนที่เสี่ยงภัยพิบัติและอาจถูกตัดขาดระบบไฟฟ้า
แต่สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ไม่ได้พูดหรือพูดโดยไม่ได้คิดก็คือ ลำพังการมีวิทยุทรานซิสเตอร์มันไม่พอ

คุณลองเปิดวิทยุตอนนี้ดูก็ได้ว่าในนั้นคุยเรื่องอะไร วิทยุทั้งคลื่นหลักและคลื่นชุมชนกำลังทำหน้าที่แบบไหน อย่าว่าแต่แจ้งเตือนภัยพิบัติเลย เอาแค่สื่อสารด้วยภาษาที่ชาวบ้านชาวเมืองเข้าใจง่ายๆ ผ่านข่าวเช้า ข่าวค่ำยังทำไม่ได้
“ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นแผ่ปกคลุมภาคเหนือตอนบน”
“มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนแผ่ปกคลุมทะเลอันดามัน”
“ฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง”
“ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้เกิดฝนเพิ่มขึ้น และฝนตกหนักบางแห่ง”
“พระอาทิตย์ขึ้นที่ผาชนะได และตกที่แหลมพรหมเทพ”
ฯลฯ
คือถ้าระบบการสื่อสารทั้งหมดถูกตัดขาดจริงแล้วเหลือช่องทางเดียวที่ชาวบ้านจะเข้าถึงข่าวสารจากรัฐได้กลับต้องมาเจอการแจ้งเตือนภัยพิบัติแบบนี้ ต่อให้มีวิทยุเป็นล้านเครื่องกระจายอยู่ในทุกครัวเรือนก็ไม่มีประโยชน์
สังเกตอะไรไหมครับ ประเทศไทยผ่านภัยพิบัติครั้งใหญ่ระดับชาติมาไม่น้อยครั้ง ภัยพิบัติรุนแรงในพื้นที่ย่อยๆ อีกนับครั้งไม่ถ้วน แต่ระบบการแจ้งเตือนภัยยังไม่มีการพัฒนาไปไหน ขอโทษเถอะ ถ้าพรุ่งนี้เกิดแผ่นดินไหวแถวเกาะสุมาตราอีก คุณแน่ใจหรือเปล่าว่าทุ่นสัปปะรังเคกลางทะเลอันดามันนั่นยังใช้งานได้อยู่
หากไม่ใช่แผ่นดินไหว นิสัยของภัยพิบัติขนาดใหญ่มักจะมีเวลาให้เราเตรียมตัวอยู่เสมอ มากน้อยอาจต่างกัน แต่มีเวลาแน่ๆ
สึนามิมีปัจจัยที่ชัดและมีเส้นทางที่สามารถอพยพคนได้ทัน ส่วนน้ำก็ไม่เคยท่วมภายในเสี้ยววินาที แต่มันเกิดจากฝนตกหนักสะสมและปัจจัยอื่นอีกมากมายซึ่งทั้งหมดกินระยะเวลามากพอที่จะทำให้เราเตรียมตัว ไฟป่าไม่ได้ลามในเสี้ยวพริบตา แต่มันมีเวลาและเส้นทางที่คาดเดาได้ ฝุ่น PM2.5 มีฤดูกาลที่สภาพอากาศครบองค์ประกอบแล้วจึงทวีความรุนแรง แต่รัฐแบบไทยๆ แม่งไม่เคยทำห่าอะไรทันเลยสักที นี่ต่างหากที่เป็นเรื่องน่ารำคาญ